ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (31 ส.ค.) ที่ภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำนายสุนทร รักษรงค์ ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิไตย ภาคใต้ และคณะ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงท่าทีการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ในพื้นที่ภาคใต้ นายสุนทร กล่าวว่า พันธมิตรฯ ภาคใต้ ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 ระบุว่า ภายหลังจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยังคงดื้อดึงที่จะบริหารราชการแผ่นดินต่อไปและมีการวางแผนให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเคลื่อนไหวปะทะกับพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อฉวยโอกาสประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นพันธมิตรฯ ภาคใต้ ขอประกาศว่า รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศและขอประกาศมาตรการ ดังนี้
1. จะปิดการเดินทาง ทางอากาศของสนามบินภาคใต้ 7 แห่ง คือ สนามบินนานาชาติภูเก็ต สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ สนามบินกระบี่ สนามบินสุราษฎร์ธานี สนามบินเกาะสมุย สนามบินนครศรีธรรมราช และสนามบินตรัง
2. จะปิดการเดินทางทางบก ตั้งแต่ อ.บ่อนอก จ.ประจวบคีรีขันธ์
3. ขอประกาศให้นายสมัคร สุนทรเวช เป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในพื้นที่ภาคใต้โดยเด็ดขาด นับตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป ทั้งนี้ เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง พันธมิตรฯ ขอเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งโดยทันที อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าว จะเริ่มดำเนินการทันทีถ้ามีการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถาน
จัดทำโดย
น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087 น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817
นายอนุชา พวงมณี 5131601205 น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201
นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027 น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025
นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038 น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126
นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097 น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208
น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551
นาทีต่อนาที พันธมิตรปฎิบัติการทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม หลังมีกระแสข่าวว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยอลินทราชฝ่าด้านล้อมของกลุ่มพันธมิตรเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาล ช่วงประตู 5 นั้น มีการยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม พล.ต.ต สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ไม่มีการใช้แก๊สน้ำตาแน่นอนแต่เป็นควันของถังดับเพลิงที่กลุ่มพันธมิตร นำมาฉีดใส่เจ้าหน้าที่ ซึ่งขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่จะไม่ใช้ความรุนแรงและไม่มีการทำร้ายประชาชน ขณะที่ภายในทำเนียบรัฐบาล มีเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังกว่า 2,000 นายแล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมพันนาย ได้ฝ่าแนวรั้วของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ตั้งด่านสกัด บริเวณสำนักงาน สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ กับ บช.น. เข้ามาประชิดกับแนวรั้วของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกมิสกวัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการนำกระบองตีเกราะ พร้อมทั้งโห่ร้องสร้างความตกใจให้เจ้าหน้าที่และข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการเป็นอย่างมาก ทำให้ข้าราชการต่างวิ่งกรูกันขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคาร สพฐ. เพื่อสังเกตการณ์และปรบมือโห่ร้อง โดยบอกว่า อย่าทะเลาะกัน อย่าตีกัน ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯ ได้มีการกำลังน้ำดื่มที่มีผู้บริจาคมากองกั้นเป็นกำแพง เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุม เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ห่างจากผู้ชุมนุมเพียง 100 เมตร
เครดิต : www.kapook.com
โดย :
น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087 น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817
นายอนุชา พวงมณี 5131601205 น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201
นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027 น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025
นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038 น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126
นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097 น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208
น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551
ตร.โยนมือที่สามยิงแก๊สน้ำตา"โกวิท"อ้างไม่มีอะไร
"โกวิท"บอก"ไม่มีอะไรๆ" ที่มีการยิงแก๊งน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุมที่บข.น. ขณะที่รองผบช.น.ปฏิเสธ ตำรวจไม่ได้เป็นผู้ยิงแก๊สน้ำตาใส่ฝูงชน แต่เป็นมือที่สามวันนี้ (29 ส.ค.) เมื่อเวลา 20.28 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้เดินทางกลาบเข้ามายังกองบัญชาการตำรวจนครบาลอีกครั้ง และเมื่อมาถึง ผู้สื่อข่าวได้กรูกันเข้าไปสอบถามถึงเรื่องที่กลุ่มพันธมิตรฒาชุมนุมกันที่หน้าบช.น. แต่ถูกตำรวจยิงแก๊งน้ำตาใส่จำนวนหลายลูกเพียงสั้นๆว่า "เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มีอะไรนะ เราคนไทยด้วยกัน บ้านเมืองต้องไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะอดทนจนถึงที่สุด" จากนั้น พล.ต.อ.โกวิท ได้เดินขึ้นไปประชุมร่วมกับพล.ต.ทงอัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. และนายตำรวจระดับสูงของบช.น.ต่อไปก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 20.00 น. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผบช.น. เปิดเผยในเรื่องเดียวกันว่า ตำรวจจะต้องรักษาฐานที่ตั้ง ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน จึงจำเป็นต้องรักษาเอาไว้ ไม่ให้ใครเข้ามาได้แม้แต่คนเดียว ซึ่งกำลังตำรวจที่อยู่ในบช.น.เป็นเพียงกำลังรักษาสถานที่เท่านั้น ไม่มีกองกำลังสนับสนุนเสริมอยู่ในบช.น.ส่วนการยิงแก๊สน้ำตาส่งกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น พล.ต.ต.สุพร ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มพันธมิตรฯ แต่จะเป็นการสร้างสถานการณ์จากมือที่สามหรือไม่ตนไม่ทราบ นอกจากนี้ ได้มีคำสั่งให้ตำรวจที่พักอยู่แยกนางเลิ้ง และภายในศูนย์สวัสดิภาพเด็กเยาวชนและสตรี ได้ถอนกำลังออกมาแล้ว โดยสาเหตุที่ไปพักตรงนั้น เพราะบช.น.มีที่พักไม่เพียงพอ จึงอาจทำให้สร้างความไม่พอใจต่อผู้ชุมนุม ตนจึงให้ถอนกำลังออกมาอย่างไรก็ตาม ตำรวจจะทำทุกวิถีทาง ที่จะผลักดันผู้ชุมนุมให้ออกไป โดยจะใช้ความรุนแรงผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังเหตุการณ์บริเวณด้านหน้าบช.น.สงบลง ทางหน่วยอรินทราชได้สาธิตการใช้กระสุนยางให้สื่อดู และได้ยืนยันว่า หากถูกกระสุนยางยิงเข้าใส่นั้น จะไม่ถึงตาย แต่จะทำให้จุกเท่านั้น ซึ่งตำรวจจะยิงเฉพาะในยามคับขัน และได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเท่า
เครดิต: ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
จัดทำโดย
น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087 น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817
นายอนุชา พวงมณี 5131601205 น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201
น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025 นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038
น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126 นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097
น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208 น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027
“ประพันธ์”ซัด”เอ็นบีที”ซ่องสุมทาสแม้ว เจตนาเชือดพันธมิตรฯ
“ประพันธ์ คูณมี”สุดทน “เอ็นบีที”นำเสนอข่าวบิดเบือน ซ่องสุมสมุนคนรัก”แม้ว”รวมหัวโจมตีพันธมิตรฯ เผยถึงเวลาการเมืองใหม่ จะไม่เตะหมูเข้าปากหมานักการเมืองชั่ว ย้ำชัดพันธมิตรฯ พร้อมจับมือประชาชนขจัดนักการเมืองกุ๊ย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายประพันธ์ คูณมี ปราศรัย
วันที่ 29 สิงหาคม 2551 เวลาประมาณ 23.00 น.นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขึ้นเวทีปราศรัยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสองสามวันที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนเกิดความกังวลใจและไม่มั่นใจในการต่อสู้ ถูกใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหาการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ไม่มีความชอบธรรม เราต้องไม่ตื่นเต้นและหวั่นไหวกับปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ต้องมีสติ อย่างสนใจเสียงเล่าลือและใส่ร้าย ต้องหนักแน่นในการต่อสู้
นายประพันธ์ กล่าวว่า เราไม่ได้ต่อสู้กับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว แต่ยังต่อสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องกุมเป้าหมายให้มั่นว่าเราสู้กับใคร เพราะกระบวนที่ออกมาต่อสู้กับพันธมิตรฯ วันนี้ ไม่ได้ออกมาเพราะรักที่ตัวนายสมัคร ออกมาสู้ก็เพราะยังหาคนที่จะมาแทนนายสมัคร ไม่ได้ สื่อมวลชนก็เช่นกัน ถูกครอบงำจากรัฐบาล โจมตีใส่ร้ายป้ายสี หวังให้พันธมิตรฯ เป็นผู้ร้ายในสายตาผู้อื่น
จากนั้น นายประพันธ์ ได้ชำแหละให้เห็นถึงความเลวร้ายในการบิดเบือนข่าวสารของรัฐบาล โดยกล่าวเตือนไปยังสื่อมวลชน โดยเฉพาะสถานทีโทรทัศฯเอ็นบีที (ช่อง 11) ให้วางตัวเป็นกลาง อย่าตกเป็นเครื่องให้กับรัฐบาลใช้โจมตีฝ่ายตรงข้าม มิหนำซ้ำอย่าเปิดช่องให้ถูกแทรกแซง ปล่อยให้รายการความจริงวันนี้ออกอากาศ เพราะข้อมูลที่สามเกลอนำมาพูดนั้นก็โกหกแทบทั้งสิ้น
นอกจากความเลวร้ายที่กล่าวมาข้างต้น เอ็นบีทียังกลายเป็นที่ซ่องสุมของกลุ่มคนรัก พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งผู้ประกาศข่าว อดีตก็เคยทำงานอยู่ที่ไอทีวี สื่อที่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ครอบงำ ขณะที่ผู้ประกาศบางคน ชัดเจนว่าได้รับอานิสงส์จากนายจักรภพ เพ็ญแข ดึงให้มาทำงาน เอ็นบีทีจึงไม่ต่างอะไรกับไอทีวีเดิม การนำเสนอข่าวบิดเบือน โจมตีพันธมิตรฯ ถูกครอบงำจากฝ่ายรัฐ ล่าสุดก็ยัดเหยียดรายการความจริงวันนี้ออกอากาศ โดยถอดรายการของผู้ผลิตเดิมออก ถามว่า นี่คือการครองงำสื่อของรัฐใช่หรือไม่
ในช่วงท้าย นายประพันธ์ ชี้ทางเดินต่อไปของพันธมิตรฯ การเดินแต่ละก้าวต้องรอบคอบ อย่าปล่อยให้เกิดความผิดพลาดขึ้นในบ้านเมืองอีก อย่าตกหลุมพรางให้สื่อมวลชน โดยเฉพาะเอ็นบีทีนำไปขยายผลเพื่อเหยียบย้ำเรา ต้องแยกแยะและพิจารณาให้ถี่ถ้วน ใครยืนอยู่ข้างพันธมิตรฯ หรือข้างรัฐบาล ทั้งนี้ยอมรับข้าราชการทั้งหมดไม่ได้รักนายสมัคร ทั้งหมด ยังมีส่วนหนึ่งที่รักและเข้าใจพันธมิตรฯ เราต้องเห็นใจและเข้าใจข้าราชการเหล่านั้นด้วย
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า เราต้องต่อสู้อย่างสันติ ชนะแล้วก็อย่าไปข่มเหงคนอื่น ต้องชนะด้วยใจ อีกทั้งต้องร่วมกันเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ ต้องร่วมกันต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ที่แท้จริงของประชาชน ทำให้การเมืองเป็นการเมืองภาคประชาชนที่แท้จริง อย่าปล่อยให้นักการเมืองกุ๋ยเข้ามาบริหารบ้านเมือง ยอมรับกำลังเตะหมูเข้าปากหมา นักการเมืองมักจะฉวยโอกาสหยิบผลประโยชน์ภายหลังการต่อสู้ของภาคประชาชนเสมอ เช่น เหตุการณ์ 14 ต.ค.16 ต่อเนื่องเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 ฉะนั้นต้องสร้างการเมืองของประชาชนที่แท้จริงขึ้น ต่อไปนี้พลังของพันธมิตรฯ จะต้องยืนอยู่คู่แผ่นดิน จะไม่ปล่อยให้นักการเมืองชั่วมาทำปู้ยี่ปู้ยำประเทศอีกต่อไป
เครดิต:http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000102525
จัดทำโดย
นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027 น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087
น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817 นายอนุชา พวงมณี 5131601205
น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201 น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025
นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038 น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126
นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097 น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208
น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายประพันธ์ คูณมี ปราศรัย
วันที่ 29 สิงหาคม 2551 เวลาประมาณ 23.00 น.นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขึ้นเวทีปราศรัยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสองสามวันที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนเกิดความกังวลใจและไม่มั่นใจในการต่อสู้ ถูกใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหาการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ไม่มีความชอบธรรม เราต้องไม่ตื่นเต้นและหวั่นไหวกับปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ต้องมีสติ อย่างสนใจเสียงเล่าลือและใส่ร้าย ต้องหนักแน่นในการต่อสู้
นายประพันธ์ กล่าวว่า เราไม่ได้ต่อสู้กับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว แต่ยังต่อสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องกุมเป้าหมายให้มั่นว่าเราสู้กับใคร เพราะกระบวนที่ออกมาต่อสู้กับพันธมิตรฯ วันนี้ ไม่ได้ออกมาเพราะรักที่ตัวนายสมัคร ออกมาสู้ก็เพราะยังหาคนที่จะมาแทนนายสมัคร ไม่ได้ สื่อมวลชนก็เช่นกัน ถูกครอบงำจากรัฐบาล โจมตีใส่ร้ายป้ายสี หวังให้พันธมิตรฯ เป็นผู้ร้ายในสายตาผู้อื่น
จากนั้น นายประพันธ์ ได้ชำแหละให้เห็นถึงความเลวร้ายในการบิดเบือนข่าวสารของรัฐบาล โดยกล่าวเตือนไปยังสื่อมวลชน โดยเฉพาะสถานทีโทรทัศฯเอ็นบีที (ช่อง 11) ให้วางตัวเป็นกลาง อย่าตกเป็นเครื่องให้กับรัฐบาลใช้โจมตีฝ่ายตรงข้าม มิหนำซ้ำอย่าเปิดช่องให้ถูกแทรกแซง ปล่อยให้รายการความจริงวันนี้ออกอากาศ เพราะข้อมูลที่สามเกลอนำมาพูดนั้นก็โกหกแทบทั้งสิ้น
นอกจากความเลวร้ายที่กล่าวมาข้างต้น เอ็นบีทียังกลายเป็นที่ซ่องสุมของกลุ่มคนรัก พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งผู้ประกาศข่าว อดีตก็เคยทำงานอยู่ที่ไอทีวี สื่อที่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ครอบงำ ขณะที่ผู้ประกาศบางคน ชัดเจนว่าได้รับอานิสงส์จากนายจักรภพ เพ็ญแข ดึงให้มาทำงาน เอ็นบีทีจึงไม่ต่างอะไรกับไอทีวีเดิม การนำเสนอข่าวบิดเบือน โจมตีพันธมิตรฯ ถูกครอบงำจากฝ่ายรัฐ ล่าสุดก็ยัดเหยียดรายการความจริงวันนี้ออกอากาศ โดยถอดรายการของผู้ผลิตเดิมออก ถามว่า นี่คือการครองงำสื่อของรัฐใช่หรือไม่
ในช่วงท้าย นายประพันธ์ ชี้ทางเดินต่อไปของพันธมิตรฯ การเดินแต่ละก้าวต้องรอบคอบ อย่าปล่อยให้เกิดความผิดพลาดขึ้นในบ้านเมืองอีก อย่าตกหลุมพรางให้สื่อมวลชน โดยเฉพาะเอ็นบีทีนำไปขยายผลเพื่อเหยียบย้ำเรา ต้องแยกแยะและพิจารณาให้ถี่ถ้วน ใครยืนอยู่ข้างพันธมิตรฯ หรือข้างรัฐบาล ทั้งนี้ยอมรับข้าราชการทั้งหมดไม่ได้รักนายสมัคร ทั้งหมด ยังมีส่วนหนึ่งที่รักและเข้าใจพันธมิตรฯ เราต้องเห็นใจและเข้าใจข้าราชการเหล่านั้นด้วย
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า เราต้องต่อสู้อย่างสันติ ชนะแล้วก็อย่าไปข่มเหงคนอื่น ต้องชนะด้วยใจ อีกทั้งต้องร่วมกันเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ ต้องร่วมกันต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ที่แท้จริงของประชาชน ทำให้การเมืองเป็นการเมืองภาคประชาชนที่แท้จริง อย่าปล่อยให้นักการเมืองกุ๋ยเข้ามาบริหารบ้านเมือง ยอมรับกำลังเตะหมูเข้าปากหมา นักการเมืองมักจะฉวยโอกาสหยิบผลประโยชน์ภายหลังการต่อสู้ของภาคประชาชนเสมอ เช่น เหตุการณ์ 14 ต.ค.16 ต่อเนื่องเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 ฉะนั้นต้องสร้างการเมืองของประชาชนที่แท้จริงขึ้น ต่อไปนี้พลังของพันธมิตรฯ จะต้องยืนอยู่คู่แผ่นดิน จะไม่ปล่อยให้นักการเมืองชั่วมาทำปู้ยี่ปู้ยำประเทศอีกต่อไป
เครดิต:http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000102525
จัดทำโดย
นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027 น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087
น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817 นายอนุชา พวงมณี 5131601205
น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201 น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025
นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038 น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126
นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097 น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208
น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
“กองทัพธรรม”หมายหัวฟ้องโจรกากีทำเสียทรัพย์16ล้านบาท
“กองทัพธรรม”เตรียมฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย โจรสีกากี ใช้กำลังทำร้ายประชาชนไม่พอ ยังมือไวฉกทรัพย์สินและทำลายข้าวของเสียหายรวมมูลค่ากว่า 16ล้านบาท จี้เอาผิดคนสั่ง-คนลงมือ ทั้งแพ่งและอาญา ขณะที่บรรยากาศการชุมนุมทั่วไป ประชาชนยังเดินทางเข้าสมทบจากทั่วประเทศไม่ขาดสาย”
วันนี้(30 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเข้าวันที่ 98 แต่เป็นวันที่ 4 ที่มีการชุมนุมในทำเนียบฯ ผู้ชุมนุมจากทั่วประเทศไทย ยังคงเดินทางมาสบทบการชุมนุมอย่างคับคั่ง และเนื่องจากมวลชนมีมหาศาล ทำให้เริ่มจะประสบกับปัญหาทางสุขภาวะ จากกลิ่นเหม็นของขยะกับหญ้าที่เน่าตาย ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อน ทำให้ขณะนี้ได้มีการขอรับบริจาคแผ่นกระเบื้องไว้ปูนในสนามหญ้า และยังเกิดปัญหาเครื่องขยายเสียงไม่พอกับผู้ชุมนุม
ในขณะที่พื้นที่การชุมนุมของพันธมิตรฯก็ยังกินพื้นที่ทั้งหมดในทำเนียบฯตั้งแต่ ถ.พิษณุโลก ถ.ราชดำเนิน แยกมัฆวานรังสรรค์ ไปจนถึงแยกลานพระบรมรูปทรงม้า ส่วนการซ่อมแซ่มความเสียหายจากกรณีที่ตำรวจเข้ามาสลายการชุมนุมเมือวานนี้ ก็ได้รับการร่วมไม้ร่วมมือจากผู้ชุมนุมเป็นอย่างดี
นายเทียนพุทธ พุทธิพงศ์อโศก ผู้ประสานงานกองทัพธรรม กล่าวว่า หลังจากนี้จะย้ายโรงทานของกองทัพธรรมจากบริเวณถ.ราชดำเนิน เข้ามาอยู่หลังตึกแดงทำเนียบรัฐบาล หลังจากได้เสียหายจากการสลายชุมนุมเมื่อวานนี้จำนวนมาก สรุปเบื้องต้นมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 16 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของอุปโภคบริโภค และเครื่องถ่ายเอกสาร จักรยานยนต์จำนวนหลายคัน รวมทั้งกล้องบันทึกเทปโทรทัศน์ของสถานีโทรทันศ์เอฟเอ็มทีวีของสันติอโศก
“ต่อจากนี้ผมและตัวแทนของกองทัพธรรมจะเข้าไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่สน.ดุสิต เพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้กำลังสลายทั้งในทางอาญาและทางแพ่ง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการหรือในระดับออกคำสั่ง โดยเฉพาะ พล.ต.อำนวย นิ่มมโน ซึ่งใช้โทรโข่งสั่งการเข้าสลาย ตำรวจอาจติดคุกไม่พอแต่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายด้วย” นายเทียนพุทธ กล่าว
ส่วนบรรยากาศผู้ชุมนุมนอกทำเนียบรัฐบาล นอกจากที่เวทีตรงเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ยังมีการรวมกลุ่มย่อยๆ ตรงบริเวณด่านสกัดตามถนนต่างๆ ทั้ง ถ.พิษณุโลก ถ.ราชดำเนิน และมีการร้องเพลงปลุกขวัญกำลังใจ ทั้งกลุ่มอาสาหญิงที่ทำหน้าที่เฝ้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มอาสาสมัครพยาบาล
เมื่อเวลา 11.30 น. มีรายงานข่าวว่า แกนนำพันธมิตรฯ จะเปิดประตูเข้าสู่ตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อใช้พื้นที่ในการประชุมหารือ ซึ่งในระหว่างนี้กำลังอยู่ในช่วงส่งอาสาสมัครเข้าไปตรวจสอบและจัดพื้นที่
เครดิต:http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000102630
จัดทำโดย
น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087 น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817
นายอนุชา พวงมณี 5131601205 น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201
นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027 น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025
นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038 นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097
น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208 น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126
วันนี้(30 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเข้าวันที่ 98 แต่เป็นวันที่ 4 ที่มีการชุมนุมในทำเนียบฯ ผู้ชุมนุมจากทั่วประเทศไทย ยังคงเดินทางมาสบทบการชุมนุมอย่างคับคั่ง และเนื่องจากมวลชนมีมหาศาล ทำให้เริ่มจะประสบกับปัญหาทางสุขภาวะ จากกลิ่นเหม็นของขยะกับหญ้าที่เน่าตาย ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อน ทำให้ขณะนี้ได้มีการขอรับบริจาคแผ่นกระเบื้องไว้ปูนในสนามหญ้า และยังเกิดปัญหาเครื่องขยายเสียงไม่พอกับผู้ชุมนุม
ในขณะที่พื้นที่การชุมนุมของพันธมิตรฯก็ยังกินพื้นที่ทั้งหมดในทำเนียบฯตั้งแต่ ถ.พิษณุโลก ถ.ราชดำเนิน แยกมัฆวานรังสรรค์ ไปจนถึงแยกลานพระบรมรูปทรงม้า ส่วนการซ่อมแซ่มความเสียหายจากกรณีที่ตำรวจเข้ามาสลายการชุมนุมเมือวานนี้ ก็ได้รับการร่วมไม้ร่วมมือจากผู้ชุมนุมเป็นอย่างดี
นายเทียนพุทธ พุทธิพงศ์อโศก ผู้ประสานงานกองทัพธรรม กล่าวว่า หลังจากนี้จะย้ายโรงทานของกองทัพธรรมจากบริเวณถ.ราชดำเนิน เข้ามาอยู่หลังตึกแดงทำเนียบรัฐบาล หลังจากได้เสียหายจากการสลายชุมนุมเมื่อวานนี้จำนวนมาก สรุปเบื้องต้นมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 16 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของอุปโภคบริโภค และเครื่องถ่ายเอกสาร จักรยานยนต์จำนวนหลายคัน รวมทั้งกล้องบันทึกเทปโทรทัศน์ของสถานีโทรทันศ์เอฟเอ็มทีวีของสันติอโศก
“ต่อจากนี้ผมและตัวแทนของกองทัพธรรมจะเข้าไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่สน.ดุสิต เพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้กำลังสลายทั้งในทางอาญาและทางแพ่ง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการหรือในระดับออกคำสั่ง โดยเฉพาะ พล.ต.อำนวย นิ่มมโน ซึ่งใช้โทรโข่งสั่งการเข้าสลาย ตำรวจอาจติดคุกไม่พอแต่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายด้วย” นายเทียนพุทธ กล่าว
ส่วนบรรยากาศผู้ชุมนุมนอกทำเนียบรัฐบาล นอกจากที่เวทีตรงเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ยังมีการรวมกลุ่มย่อยๆ ตรงบริเวณด่านสกัดตามถนนต่างๆ ทั้ง ถ.พิษณุโลก ถ.ราชดำเนิน และมีการร้องเพลงปลุกขวัญกำลังใจ ทั้งกลุ่มอาสาหญิงที่ทำหน้าที่เฝ้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มอาสาสมัครพยาบาล
เมื่อเวลา 11.30 น. มีรายงานข่าวว่า แกนนำพันธมิตรฯ จะเปิดประตูเข้าสู่ตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อใช้พื้นที่ในการประชุมหารือ ซึ่งในระหว่างนี้กำลังอยู่ในช่วงส่งอาสาสมัครเข้าไปตรวจสอบและจัดพื้นที่
เครดิต:http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000102630
จัดทำโดย
น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087 น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817
นายอนุชา พวงมณี 5131601205 น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201
นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027 น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025
นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038 นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097
น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208 น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126
วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551
*อำมหิตผิดมนุษย์! ตร.ตีคนแก่ สกัดห้ามเข้าสมทบพันธมิตรฯที่ทำเนียบฯ
ล่าสุดเมื่อเวลา12.00น. ตำรวจเข้าสกัดไม่ยอมให้ประชาชนผ่านเข้าร่วมชุมนุมในทำเนียบฯด้านแยกลานพระรูปฯ จนเกิดเหตุปะทะ มีคนแก่ถูกตีได้รับบาดเจ็บหลายราย -แกนนำพันธมิตรฯ ผลัดเปลี่ยนขึ้นเวทีจัดระเบียบผู้ชุมนุมให้อยู่ในความสงบและตื่นตัวรับมือหากถูกสลายการชุมนุม หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหมายจะฉวยโอกาสขณะเข้ามาติดหมายศาลเข้าชาร์จ
วันนี้ (29 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากเวทีชั่วคราวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 10.40 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีประกาศเรียกให้ผู้ชุมนุมเข้ามาในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงานบังคับคดีเข้าปิดหมายศาล พร้อมกับนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนับร้อยนายเข้ากระจายตามประตูต่างๆ
พล.ต.จำลอง กล่าวบนเวทีผ่านเครื่องขยายเสียงโดยพยายามจัดรูปการชุมนุมให้ประชาชนเข้ามานั่งรวมกันจนเต็มพื้นที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมกับบอกยามทุกประตูว่าถ้าไม่สามารถจะยั้งตำรวจได้ อย่าไปตีรันฟันแทง ให้ถอยออกมารวมกันที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า “ตำรวจพยายามเข้ามาหลายประตู ถ้าเห็นว่ากำลังเขามากกว่ามีเขามีกระบองและโล่ห์ ให้ถอยมาหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เราพร้อมจะรับมือกับตำรวจแล้ว”
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้เวลา 11.00 น. แกนนำพันธมิตรฯ ยังคงผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวที จัดระเบียบผู้ชุมนุม และเรียกร้องให้เข้ามาภายในทำเนียบฯ มากที่สุด อย่าอยู่กันแต่โดยรอบนอกทำเนียบฯ
ด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สหภาพแรงงานฯ ให้นัดหยุดงานกันให้หมด มากขึ้นๆ แล้วเข้ามารวมกันที่ทำเนียบฯ รวมทั้งประชาชนที่ยังอยู่บ้านให้ออกมารวมตัวกันได้แล้ว อย่างไรก็ตาม อย่าเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น เรามาต่อสู้เพื่อสถานบันที่เราเคารพและเพื่ออำนาจอธิบไตยของชาติ รวมทั้งสู้เพื่อเอาทรัพย์สินของชาติที่มันโกงกินไปกลับคืนมา เราทำหน้าที่รัฐบาล แต่รัฐบาลมันทำหน้าที่โจร เราทุกคนต้องพึ่งพาตัวเอง ไม่ต้องไปพึ่งใคร
เมื่อเวลา 11.36 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามที่จะแหวกเข้ามาในทำเนียบฯ ทางด้านประตู 7 ทำให้นายสมศักดิ์ขึ้นเวทีขอเพิ่มการ์ดอาสาเข้าตรึงกำลังอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อเวลา 11.54 น. พล.ต.จำลอง ขึ้นเวทีชั่วคราวฯอีกครั้ง พร้อมประกาศว่าขณะนี้เวทีพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ถูกตำรวจเข้าไปสลายแล้ว เขาสลายพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานฯ แล้ว โดยใช้แก๊สน้ำตา ฉะนั้นขอให้พี่น้องออกมาได้แล้วมารวมตัวกันที่ทำเนียบฯ และให้พี่น้องที่มัฆวานฯ เข้ามารวมกันที่ทำเนียบฯ
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ตามข่าวพวกที่เฝ้าเต็นท์บอกว่า ตำรวจโหดเหี้ยมมาก เอาเหล็กตีเสาเต็นท์พังหมด แล้วโยนของเราทิ้งคลองหมด แม้กระทั่งโต๊ะเก้าอี้ที่ใช้ทำงาน อย่างไรก็ตาม พี่น้องไม่ต้องตกใจ เขาโหดเหี้ยมกับข้าวของ ยังไม่ได้โหดเหี้ยมกับใคร เขาคงยังรักษาวินัยของเขาที่ไม่ทำร้ายประชาชน ของเสียเสียไป เสร็จงานเมื่อไหร่ฟ้องเรียกค่าเสียหายคืนเมื่อนั้น
เมื่อเวลาประมาณ 12.00น. เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำร้ายประชาชนจำนวนหนึ่งซึ่งมีแต่ผู้หญิงและคนแก่ ที่บริเวณแยกลานพระบรมรูปทรงม้า ขณะที่ประชาชนเหล่านั้นเดินทางเข้ามาสมทบกับพันธมิตรฯในทำเนียบฯ แต่เจ้าหน้าที่เข้าขวางไม่ยอมให้เข้า เป็นเหตุให้มีประชาชนบาดเจ็บหลายราย นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส) กล่าาวว่า สรส.ได้นัดหารือมาตรการตอบโต้รัฐบาลขั้นเด็ดขาดที่นี่ วันนี้ รัฐบาลอาจจะชนะในการสลายการชุมนุมที่นี่ แต่ข้างนอกเขาไม่อาจชนะเราได้ วันนี้ รถไฟได้หยุดงานแล้ว 100 % และรัฐวสิหากิจอื่นๆ กำลังจะตามมา เราจะตอบโต้รัฐบาลรุนแรงมากขึ้น "พี่น้องรัฐวิสาหกิจของให้ฟังเสียงสาวิทย์ แก้วหวาน ลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ขอให้พวกท่านจงปฏิบัติการขั้นสูงสุด ตามที่นัดหมายกันไว้ เขาอาจจะสลายพวกเราในที่ได้ แต่สลายจิตวิญญาณการต่อสู้ของเราไม่ได้"นายสาวิทย์กล่าว
เมื่อเวลา 12.30น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนถึงขณะนี้ประชาชนอีกประมาณกว่า500 คนยังไม่สามารถฝ่าด่านตำรวจจากแยกพระบรมรูปทรงม้า มายังทำเนียบรัฐบาลได้ เนื่องจากกำลังตำรวจมีมากกว่า ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ประชาชนพยายามผลักดันฝ่าตำรวจจนเกิดเหตุปะทะกันนั้น ได้มีรถยนต์BMW ป้ายแดง ที่ขับตรงมายังลานพระบรมรูปฯ ได้พุ่งรถเข้าหาตำรวจและจอดขวางไม่ได้ทำร้ายประชาชน พร้อมกับเปิดกระจกรถตระโกนด่าทอตำรวจ ก่อนจะหักรถเลี้ยวกลับไปจอดลานพระบรมรูปฯแล้วลงมาร่วมกับประชาชน
เมื่อเวลา 13.00น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้นไม่ยอมให้รถพยาบาลเข้าไปดูแลประชาชนที่บาดเจ็บจากการถูกตำรวจตีที่สะพานมัฆวานฯ เมื่อเวลาประมาณ13.20น. สมาชิกวุฒิสภากว่า10คน เดินทางเข้าให้กำลังใจพันธมิตรฯที่ทำเนียบฯ พร้อมกับขึ้นเวทีปราศรัย ประนามการกระทำของตำรวจที่ใช้กำลังเข้าตีประชาชนมือเปล่าจนบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา13.45น. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ได้มีประชาชนทะยอยมารวมพลมากขึ้นเรื่อยๆร่วมพันคนแล้ว แต่ยังไม่สามารถฝ่าด่านกั้นตำรวจเข้ามารวมที่ทำเนียบรัฐบาลได้ ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ได้มีชายฉกรรจ์อายุไม่เกิน 30ปี ใส่แจ๊คเก็ตดำ สวมหมวกดำและแว่นตาดำ เข้าไปยืนถ่ายวิดีโอผู้ชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ และเมื่อมีผู้ชุมนุมเห็นก็ได้ตระโกนบอกว่ามีตำรวจสันติบาลเข้ามาให้จับไว้ ชายคนดังกล่าวก็ได้วิ่งหนีไป
อย่างไรก็ตาม ภายหลังหนีออกมาได้ ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถาม ชายคนดังกล่าว อ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่จากกรมการปกครอง โดยนายใช้ให้มาบันทึกภาพเอาไว้
เมื่อเวลา 14.04น. แกนนำพันธมิตรฯ ขอกำลังอาสาสมัครเพิ่ม เพื่อเป็นผู้นำเอาประชาชนที่ติดค้างอยู่บริเวณด่านตำรวจให้เข้ามาในทำเนียบรัฐบาลได้ พร้อมขอรับบริจาคหมวกกันน๊อค และเวชภัณฑ์ทำแผลจำนวนมาก โดยยื่นความจำนงค์บริจาคได้ที่ 089-8921065 เมื่อเวลาประมาณ 14.04น. ช่างภาพเอเอสทีวี ขึ้นเวทีเผยนาทีโหด เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ทั้งนี้ช่างภาพเอเอสทีวี ระบุว่า ตนเห็นกับตาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ารุมตีประชาชนมือเปล่า จนกองลงไปกับพื้น และตนก็บันทึกเทปไว้ได้ทัน และเมื่อตำรวจเห็นตนถ่าย ก็รีบเข้ามาห้ามไม่ยอมให้ถ่ายภาพไว้ และเมื่อตนแสดงตัวว่าเป็นสื่อมวลชนกำลังทำหน้าที่ ตำรวจก็ยังไม่ยอมให้ถ่ายภาพ จึงเกิดการยื้อกันและตำรวจได้ใช้กระบองตีตนเอง เมื่อเวลาประมาณ 14.10น. มีรายงานข่าวว่า พันธมิตรฯสงขลาและภูเก็ตได้เข้าปิดสนามบินแล้ว ขณะที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ ทยอยลางานเข้าสมทบที่ทำเนียบฯเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายสมศักดิ์ ได้ประกาศให้ประชาชนที่อยู่บริเวณสะพานมัฆวานฯ เข้าไปช่วยเหลือญาติธรรมสันติอโศกที่มีแต่ผู้หญิงและคนแก่ ซึ่งถูกกักตัวไว้ที่ริมรั้วทำเนียบฯ เมื่อเวลา14.40น. ผู้สื่อข่าวรายงานวา พันธมิตรฯจำนวน 3พันคน ได้เคลื่อนพลจากประตู 7 ผ่านไปทางคลองผดุงกรุงเกษม และเข้ากดดันตำรวจที่เวทีมัฆวานฯจนสามารถยึดพื้นที่ไว้ได้ จากนั้นได้ตรึงกำลังไว้ที่เวทีมัฆวานฯประมาณ 2พันคน ขณะที่อีก1พันคน ได้เคลื่อนต่อไปยังแยกมิสกวัน และสามารถยึดพื้นที่ไว้ได้แล้วเช่นกัน เมื่อเวลา 14.48น. แกนนำพันธมิตรฯ ยังคงสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นเวทีปราศรัยอย่างต่อเนื่อง ให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่มาร่วมชุมนุม พร้อมเรียกร้องให้ออกมาร่วมแสดงพลังด้วยกัน เมื่อเวลาประมาณ 14.50น. พันธมิตรฯ ได้ยึดพื้นที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ คืนได้แล้ว มีรายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวณชายแดนประมาณ 4พันนาย ได้เข้าตรึงกำลังอยู่ในสนามม้านางเลิ้ง
จัดทำโดย
น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087 น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817
น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087 น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817
นายอนุชา พวงมณี 5131601205 น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201
นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027 น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025
นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038 น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126
นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097 น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208
น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
รวบรวมคดีทักษิณ
คดีแรก คือ คดีการเลี่ยงภาษีของ บรรณพจน์ ดามาพงศ์ กับ คุณ หญิงพจมาน ชินวัตร และนาง กาญจนาภา หงษ์เหิน ที่ร่วมกันกระทำความผิดอาญาฐานมีเจตนาร่วมกัน กระทำความผิด เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี จากการซื้อขายหุ้น บริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเค ชั่นส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 4.5 ล้านหุ้น มูลค่า 738 ล้านบาท
สองคดีการซื้อขายที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก ระหว่างกองทุนเพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงินกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ยังมีคดีที่อยู่ในชั้นของการตั้งอนุกรรมการไต่สวน เตรียรส่งให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องรวม 10 คดีด้วยกัน....
1.โครงการจัดจ้างออกแบบและปรับเปลี่ยนสายพานลำเลียงกระเป๋า และสัมภาระผู้โดยสารและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด หรือ ซีทีเอ็กซ์ 9000 ในสนามบินสุวรรณภูมิ
2.โครงการจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 90 ล้านต้น ของกระทรวงเกษตร และสหกรณ์
3.โครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว ขอสำนักงาน สลากกินแบ่งรัฐบาล
4.โครงการก่อสร้างระบบจ่ายไฟฟ้าและเครือข่ายท่อร้อยสายไฟท่า อากาศยานสุวรรณภูมิ
5.กรณีการจัดซื้อ รถ-เรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร
6.คดีธนาคารแห่งประเทศไทยร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีคดีกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทยกับพวกกรณีให้สินเชื่อกับบริษัทในกลุ่มกฤษดานคร จำกัด (มหาชน) จำนวน 9.9 พันล้านบาท
7.คดีการอนุมติให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์ ปล่อยกู้วงเงิน 4 พันล้านบาทให้รัฐบาลพม่า
8.สัญญาโครงการก่อสร้างระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จากสถานีมักกะสันไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ โครงการแอร์พอร์ตลิงก์ ระยะทาง 28 กิโลเมตร มูลค่าประมาณ2.5 หมื่นล้านบาท
9.โครงการบ้านเอื้ออาทร ในโครงของบริษัทพาสทีญ่า ไทย จำกัด
10.ครม.มีมติให้ออก พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัด อัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 ที่กำหนดให้จัดเก็บภาษีสรรพสามิตกับผู้รับสัมปทานโทรคมนาคม แทนการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้แก่รัฐ และยังมี โครงการการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ของบริษัทห้องปฎิบัติการกลางตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์อาหารจำกัด (เซ็นทรัลเล็บ) มูลค่า 1.9 พันล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ล่าสุดศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งอนุมัติออกจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา ผู้ถูกกล่าวหาคดีกระทำผิดตาม พรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มีพฤติการณ์ปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัท เอสซีแอสเซท ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ยื่นคำร้องขอออกหมายจับเมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา
เครดิต : http://www.kanmuang.org/NT/data/12/0075-1.html
โดย น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126 น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208
นายอนุชา พวงมณี 5131601205น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087
น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817 น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201
นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027 น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025
นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038 นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097
น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
สองคดีการซื้อขายที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก ระหว่างกองทุนเพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงินกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ยังมีคดีที่อยู่ในชั้นของการตั้งอนุกรรมการไต่สวน เตรียรส่งให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องรวม 10 คดีด้วยกัน....
1.โครงการจัดจ้างออกแบบและปรับเปลี่ยนสายพานลำเลียงกระเป๋า และสัมภาระผู้โดยสารและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด หรือ ซีทีเอ็กซ์ 9000 ในสนามบินสุวรรณภูมิ
2.โครงการจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 90 ล้านต้น ของกระทรวงเกษตร และสหกรณ์
3.โครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว ขอสำนักงาน สลากกินแบ่งรัฐบาล
4.โครงการก่อสร้างระบบจ่ายไฟฟ้าและเครือข่ายท่อร้อยสายไฟท่า อากาศยานสุวรรณภูมิ
5.กรณีการจัดซื้อ รถ-เรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร
6.คดีธนาคารแห่งประเทศไทยร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีคดีกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทยกับพวกกรณีให้สินเชื่อกับบริษัทในกลุ่มกฤษดานคร จำกัด (มหาชน) จำนวน 9.9 พันล้านบาท
7.คดีการอนุมติให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์ ปล่อยกู้วงเงิน 4 พันล้านบาทให้รัฐบาลพม่า
8.สัญญาโครงการก่อสร้างระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จากสถานีมักกะสันไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ โครงการแอร์พอร์ตลิงก์ ระยะทาง 28 กิโลเมตร มูลค่าประมาณ2.5 หมื่นล้านบาท
9.โครงการบ้านเอื้ออาทร ในโครงของบริษัทพาสทีญ่า ไทย จำกัด
10.ครม.มีมติให้ออก พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัด อัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 ที่กำหนดให้จัดเก็บภาษีสรรพสามิตกับผู้รับสัมปทานโทรคมนาคม แทนการจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้แก่รัฐ และยังมี โครงการการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ของบริษัทห้องปฎิบัติการกลางตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์อาหารจำกัด (เซ็นทรัลเล็บ) มูลค่า 1.9 พันล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ล่าสุดศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งอนุมัติออกจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา ผู้ถูกกล่าวหาคดีกระทำผิดตาม พรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มีพฤติการณ์ปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัท เอสซีแอสเซท ตามคำร้องของพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ยื่นคำร้องขอออกหมายจับเมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา
เครดิต : http://www.kanmuang.org/NT/data/12/0075-1.html
โดย น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126 น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208
นายอนุชา พวงมณี 5131601205น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087
น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817 น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201
นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027 น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025
นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038 นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097
น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
อีกมุมของคนไทย
กลุ่มคนรักทักษิณ รวบไปรษณียบัตรส่งอังกฤษให้แม้วลี้ภัย
นายพรหมศักดิ์ แสนโพธิ์ ประธานสมาพันธ์ประชาชนรากหญ้าเครือข่ายภาคเหนือ ผู้ประสานงานกลุ่มคนรักทักษิณ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมไปรษณียบัตรจากประชาชนในพื้นที่ อ.สันกำแพง และ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ย เพื่อขอให้ทางการอังกฤษอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัว ลี้ภัยอยู่ในประเทศได้ เนื่องจากเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในประเทศอังกฤษจะปลอดภัยกว่าเดินทางกลับประเทศไทย
ทั้งนี้ กลุ่มคนรักทักษิณ จ.เชียงใหม่ จะรวบรวมไปรษณียบัตรจากประชาชนให้ได้ 10,000 ใบ ส่งให้กับเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และส่งถึงนายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ให้ส่งไปยังสถานทูตอังกฤษ อีกทางหนึ่ง ในวันพุธที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา...
เครดิต : http://news.sanook.com/politic/politic_299632.php
โดย นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027 น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087
น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817 นายอนุชา พวงมณี 5131601205
น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201 น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025
นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038 น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126
นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097 น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208
น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
นายพรหมศักดิ์ แสนโพธิ์ ประธานสมาพันธ์ประชาชนรากหญ้าเครือข่ายภาคเหนือ ผู้ประสานงานกลุ่มคนรักทักษิณ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมไปรษณียบัตรจากประชาชนในพื้นที่ อ.สันกำแพง และ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ย เพื่อขอให้ทางการอังกฤษอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัว ลี้ภัยอยู่ในประเทศได้ เนื่องจากเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในประเทศอังกฤษจะปลอดภัยกว่าเดินทางกลับประเทศไทย
ทั้งนี้ กลุ่มคนรักทักษิณ จ.เชียงใหม่ จะรวบรวมไปรษณียบัตรจากประชาชนให้ได้ 10,000 ใบ ส่งให้กับเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และส่งถึงนายเตช บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ให้ส่งไปยังสถานทูตอังกฤษ อีกทางหนึ่ง ในวันพุธที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา...
เครดิต : http://news.sanook.com/politic/politic_299632.php
โดย นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027 น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087
น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817 นายอนุชา พวงมณี 5131601205
น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201 น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025
นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038 น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126
นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097 น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208
น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551
ศาลแพ่งมีคำสั่งพันธมิตรออกจากธรรมเนียบ
ความคืบหน้าล่าสุด ( 27 สค. 51 เวลา 22.42 น.) ศาลแพ่งได้อ่านคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวคดีที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลฟ้องจำเลยทั้ง 6 ว่า ขอสั่งให้จำเลยทั้ง 6 พาพวกผู้ชุมนุมออกจากบริเวณทำเนียบรัฐบาล และตัวอาคาร พร้อมทั้งรื้อถอนเวที สิ่งปลูกสร้างที่กีดขวาง และเปิดถนนพิษณุโลก ถนนราชดำเนินนอกให้นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และข้าราชการเข้าออกทำเนียบโดยสะดวก และให้มีผลทันที ล่าสุดทางแกนนำฯออกมายอมรับการตัดสินของศาล ในส่วนของแกนนำพันธมิตรรุ่น 2 ประกาศบนเวทีว่าจะปักหลักต่อไป เพื่อขอใช้สิทธิ์ในการอุทรณ์
อย่างไรก็ตาม หลังศาลแพ่งมีคำสั่งออกมาแกนนำพันธมิตรฯ ได้จัดเสริมกำลังอาสาสมัคร ตรึงกำลังเฝ้าทางเข้า - ออก โดยมีการนำอาสาสมัคร โดยเฉพาะผู้หญิง กว่า 200 คนมายืนเป็นกำแพงมนุษย์ นอกจากนี้ กลุ่มผู้ประสานงานการชุมนุมยังได้ขอร้องไม่ให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับ และขอปิดทางเข้าออกบริเวณถนนพิษณุโลก ด้านหน้าทำเนียบ โดยอ้างว่าหากผู้ชุมนุมจะเดินทางกลับก็หมายถึงความพ่ายแพ้ของการชุมนุม ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. จะนำหมายจับไปเจรจากับแกนนำทั้ง 9 ด้วยตัวเอง.
โดย น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201 น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087
น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126 น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208
นายอนุชา พวงมณี 5131601205 น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817
นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027 นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038
นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097 น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025
“สนธิ” ประกาศกร้าว ยึดทำเนียบถึงวันอาทิตย์ มั่นใจชนะแน่!
“สนธิ” ขึ้นเวทีประกาศต่อหน้าผู้ชุมนุม แฉ ตร.เอาความเท็จไปแจ้งศาลให้ออกหมายจับแกนนำ อัดกลับ “หอกหักหมัก” และพวกคือ “กบฏตัวจริง” หวังล้มล้าง รธน.แบ่งแยกราชอาณาจักร แถมยังโกหก พระบรมฯจะใช้พื้นที่ทำเนียบ 30 ส.ค.นี้ ปลุกปชช.สู้ไม่ถอย ลั่นยึดทำเนียบถึงวันอาทิตย์นี้ เชื่อชัยชนะเป็นของ ปชช.แน่
วันนี้ (28 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.20 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีอ่านจดหมายของ ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ที่เขียนเพื่อให้กำลังแกนนำพันธมิตรฯ และผู้ชุมนุมให้ยืนหยัดสู้ต่อไปอย่าได้เกรงกลัวรัฐบาลหุ่นเชิด จากนั้น นายสนธิ กล่าวปราศรัยต่อผู้ชุมนุมว่า เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.) ตำรวจได้เอาความเท็จไปขอหมายศาลอาญามาจับแกนนำพันธมิตรฯ โดยอ้างกฎหมายมาตรา 113 ว่าผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญให้ถือเป็นกบฏ แต่ที่ผ่านมาตั้งแต่เราชุมนุมเมื่อวันที่ 25 พ.ค.เราออกมาต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราออกมาปกป้องรัฐธรรมนูญ แล้วมี นปก.มาประทุษร้ายเรา อย่างนี้พวกมันต้องการล้มล้างรัฐธรรมนูญใช่ไหม แล้วตำรวจทำ อะไร ส.ส.พรรคพลังประชาชนทั้งพรรคต้องการแก้รัฐธรรมนูญ ล้มล้างรัฐธรรมนูญ ตำรวจทำอะไร
2.ตำรวจยังอ้างมาตรา 11 โดยกล่าวหาว่าเราต้องการล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ หรือใช้อำนาจดังกล่าวไม่ได้ พี่น้องดูว่า ขณะนี้ ส.ส.ยังมีการประชุมสภาอยู่ ยังแต่งตั้งตำรวจ ทหารได้ ศาลยังปฏิบัติหน้าที่ออกคำสั่งได้ตามปกติ กล่าวหาเราไปล้มล้างได้อย่างไร
3.กล่าวหาเราว่าล้มล้างแบ่งแยกราชอาณาจักรถือเป็นกบฏ ใครกันแน่ที่ยกเขาพระวิหารให้เขมร ตำรวจต้องไปขอหมายจับนายสมัคร สมัครคือกบฏในราชอาณาจักร นายสนธิ กล่าวต่อว่า พอเป็นนักการเมือง เป็นรัฐบาล ถือว่าเป็นรัฐ ตัวเองชั่วเน่าเหม็นล้มล้างรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาว่าแถลงการณ์ที่ทำร่วมกับเขมร ขัดรัฐธรรมนูญเพราะต้องผ่านสภา ดังนั้น ถือเป็นโมฆะ มันก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งที่จริงต้องแจ้งไปเขมร ให้ยูเนสโกรู้ว่าใครกันแน่ที่ล้มล้างเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ไอ้หอกหัก ยังสะเออะเอาตำรวจโง่ๆ ขอหมายศาลมาจับแกนนำ “เมื่อ คมช.ปฏิวัติ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอยู่ 4 ข้อ แต่วันนี้นายสมัครทำเกิน 6-7 ข้ออย่างหน้าด้าน ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน แล้วการที่ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ บอกว่าขอให้เราออกจาทำเนียบเนื่องจากพระบรมฯ จะเสด็จฯ มาพื้นที่ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ ไปเช็กกองราชเลขาฯ แล้ว สมเด็จพระบรมฯ จะไม่ใช้ทำเนียบวันที่ 30 ส.ค.นี้ มุกนี้มันใช้ได้เฉพาะ นปก. ใช้กับสังคมอุดมปัญญาแบบเราไม่ได้ วันนี้วันพฤหัสฯ อย่าหาว่าเราขอเพิ่มเติมเลย เราอยู่ถึงวันอาทิตย์ เราชนะแน่นอน พ่อแม่พี่น้องเรียกคนมาเยอะๆ ตั้งแต่วันนี้พรุ่งนี้ พรุ่งนี้จนถึงวันวันอาทิตย์เราชนะแน่นอน” แกนนำพันธมิตรฯ ย้ำ นอกจากนี้ยังฝากถึง รองโฆษก ตร. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง ที่ฝากผู้สื่อข่าวมาบอกตนว่าให้คำนึงถึงวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำที่เอาผู้หญิงและคนแก่มาเป็นกำแพง อยากถามว่าตนบังคับใครมาเป็นกำแพงหรือเปล่า เขามากันเองทั้งนั้น พ่อท่านอโศกตนก็ไม่ได้บังคับ ท่านมากันเอง ไอ้พวกตำรวจไม่เคยเข้าใจการเมืองภาคประชาชน เพราะเป็นตำรวจหวังลาภยศ เอาใจเจ้านายสถุน เมื่อสักครู่ตนบอกนักข่าวให้ช่วยบอกรองโฆษก ตร.ว่าให้หาองค์ความรู้มากกว่านี้ ยังสู้พี่น้องที่ชุมนุมที่นี่ไม่ได้เลย เป็นนายพลมาได้อย่างไร นี่คือคุณภาพข้าราชการตำรวจชั้นสูง
โดย ผู้จัดการออนไลน์
28 สิงหาคม 2551 12:05 น.
จัดทำโดย
น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025 น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126
น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208 นายอนุชา พวงมณี 5131601205
น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087 น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817
น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201 นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027
นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038 นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097
น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
วันนี้ (28 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.20 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีอ่านจดหมายของ ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ที่เขียนเพื่อให้กำลังแกนนำพันธมิตรฯ และผู้ชุมนุมให้ยืนหยัดสู้ต่อไปอย่าได้เกรงกลัวรัฐบาลหุ่นเชิด จากนั้น นายสนธิ กล่าวปราศรัยต่อผู้ชุมนุมว่า เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.) ตำรวจได้เอาความเท็จไปขอหมายศาลอาญามาจับแกนนำพันธมิตรฯ โดยอ้างกฎหมายมาตรา 113 ว่าผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญให้ถือเป็นกบฏ แต่ที่ผ่านมาตั้งแต่เราชุมนุมเมื่อวันที่ 25 พ.ค.เราออกมาต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราออกมาปกป้องรัฐธรรมนูญ แล้วมี นปก.มาประทุษร้ายเรา อย่างนี้พวกมันต้องการล้มล้างรัฐธรรมนูญใช่ไหม แล้วตำรวจทำ อะไร ส.ส.พรรคพลังประชาชนทั้งพรรคต้องการแก้รัฐธรรมนูญ ล้มล้างรัฐธรรมนูญ ตำรวจทำอะไร
2.ตำรวจยังอ้างมาตรา 11 โดยกล่าวหาว่าเราต้องการล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ หรือใช้อำนาจดังกล่าวไม่ได้ พี่น้องดูว่า ขณะนี้ ส.ส.ยังมีการประชุมสภาอยู่ ยังแต่งตั้งตำรวจ ทหารได้ ศาลยังปฏิบัติหน้าที่ออกคำสั่งได้ตามปกติ กล่าวหาเราไปล้มล้างได้อย่างไร
3.กล่าวหาเราว่าล้มล้างแบ่งแยกราชอาณาจักรถือเป็นกบฏ ใครกันแน่ที่ยกเขาพระวิหารให้เขมร ตำรวจต้องไปขอหมายจับนายสมัคร สมัครคือกบฏในราชอาณาจักร นายสนธิ กล่าวต่อว่า พอเป็นนักการเมือง เป็นรัฐบาล ถือว่าเป็นรัฐ ตัวเองชั่วเน่าเหม็นล้มล้างรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาว่าแถลงการณ์ที่ทำร่วมกับเขมร ขัดรัฐธรรมนูญเพราะต้องผ่านสภา ดังนั้น ถือเป็นโมฆะ มันก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งที่จริงต้องแจ้งไปเขมร ให้ยูเนสโกรู้ว่าใครกันแน่ที่ล้มล้างเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ไอ้หอกหัก ยังสะเออะเอาตำรวจโง่ๆ ขอหมายศาลมาจับแกนนำ “เมื่อ คมช.ปฏิวัติ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอยู่ 4 ข้อ แต่วันนี้นายสมัครทำเกิน 6-7 ข้ออย่างหน้าด้าน ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน แล้วการที่ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ บอกว่าขอให้เราออกจาทำเนียบเนื่องจากพระบรมฯ จะเสด็จฯ มาพื้นที่ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ ไปเช็กกองราชเลขาฯ แล้ว สมเด็จพระบรมฯ จะไม่ใช้ทำเนียบวันที่ 30 ส.ค.นี้ มุกนี้มันใช้ได้เฉพาะ นปก. ใช้กับสังคมอุดมปัญญาแบบเราไม่ได้ วันนี้วันพฤหัสฯ อย่าหาว่าเราขอเพิ่มเติมเลย เราอยู่ถึงวันอาทิตย์ เราชนะแน่นอน พ่อแม่พี่น้องเรียกคนมาเยอะๆ ตั้งแต่วันนี้พรุ่งนี้ พรุ่งนี้จนถึงวันวันอาทิตย์เราชนะแน่นอน” แกนนำพันธมิตรฯ ย้ำ นอกจากนี้ยังฝากถึง รองโฆษก ตร. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง ที่ฝากผู้สื่อข่าวมาบอกตนว่าให้คำนึงถึงวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำที่เอาผู้หญิงและคนแก่มาเป็นกำแพง อยากถามว่าตนบังคับใครมาเป็นกำแพงหรือเปล่า เขามากันเองทั้งนั้น พ่อท่านอโศกตนก็ไม่ได้บังคับ ท่านมากันเอง ไอ้พวกตำรวจไม่เคยเข้าใจการเมืองภาคประชาชน เพราะเป็นตำรวจหวังลาภยศ เอาใจเจ้านายสถุน เมื่อสักครู่ตนบอกนักข่าวให้ช่วยบอกรองโฆษก ตร.ว่าให้หาองค์ความรู้มากกว่านี้ ยังสู้พี่น้องที่ชุมนุมที่นี่ไม่ได้เลย เป็นนายพลมาได้อย่างไร นี่คือคุณภาพข้าราชการตำรวจชั้นสูง
โดย ผู้จัดการออนไลน์
28 สิงหาคม 2551 12:05 น.
จัดทำโดย
น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025 น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126
น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208 นายอนุชา พวงมณี 5131601205
น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087 น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817
น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201 นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027
นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038 นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097
น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551
พันธมิตรฯลั่น"เป่านกหวีด"ล้มรบ.
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 24 ส.ค. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯแถลงถึงยุทธการเป่านกหวีดนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ว่าขณะนี้กลุ่มแนวร่วมจากต่างจังหวัดทยอยเดินทางเข้า กทม.แล้ว เพื่อเตรียมเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ลักษณะกองทัพมด ต้องกราบขออภัยประชาชนในกทม.และผู้ใช้เส้นทางการจราจร เพราะในวันที่ 26 ส.ค.ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด หากไม่มีความจำเป็นควรหลีกเลี่ยงเส้นทางถ.ราชดำเนินตลอดทั้งเส้นถ.อู่ทองใน ถ.ราชวิถี ถ.ศรีอยุธยา ถ.พิษณุโลก และถ.สามเสน เนื่องจากอาจมีการปิดการจราจรในบางจุดเพราะเชื่อว่าปริมาณของผู้ที่มาชุมนุมจะมีจำนวนมาก
นายสุริยะใส ระบุว่า การนัดชุมนุมใหญ่ครั้งนี้มีลักษณะพิเศษ 3 ประการ คือ ธำรงจุดมุ่งหมายเดิมในการขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด หากไม่ชนะไม่สลาย และปรับความเข้มข้นในการต่อสู้ตามสถานการณ์ รวมถึงยึดมั่นในแนวทางอหิงสา สันติวิธีและปราศจากอาวุธ สุดท้ายการชุมนุมครั้งนี้จะเป็นอารยะขัดขืนขั้นสูงสุด จะมีมาตรการหลายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย และการนัดชุมนุมใหญ่ยืนยันไม่ใช่เป็นการหาทางลงเพราะพันธมิตรฯ หมดเงิน
นายสาธิต แก้วหวาน เลขาธิการสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) แจกแถลงการณ์เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมแถลงว่า สรส.เรียกร้องให้สหภาพแรงงานทั่วประเทศที่เป็นสมาชิกทั้ง 43 สหภาพจัดชุมนุมใหญ่ ให้ทุกคนลางานวันที่ 26-27 ส.ค.นี้ เพื่อร่วมชุมนุม
เมื่อเวลา 20.30 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวบนเวทีว่า นัดพบประชาชนที่จะไปให้กำลังใจนักเรียนโยธินบูรณะในเวลา 10.00 น. ที่หน้าโรงเรียน แต่อย่าไปกันมาก ให้เก็บแรงไว้ชุมนุมใหญ่วันที่ 26 ส.ค. เวลา 07.00 น. ซึ่งครั้งนี้จะได้ชัยชนะแน่นอน
นายมานพ นพศิริกุล ผอ.โรงเรียนโยธินบูรณะ กล่าวถึงกรณีในวันจันทร์ที่ 25 ส.ค.นี้ พันธมิตรฯ จะเดินทางไปให้กำลังใจนักเรียนที่คัดค้านการรื้อโรงเรียนเพื่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ว่า จะไม่ปิดโรงเรียนอย่างแน่นอนและจะรอต้อนรับกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วย
ขณะที่ ชมรมคนคิดถึงทักษิณ นำโดย นายอมรินทร์ ผจญยุทธ ประธานชมรมฯ มารวมตัวกันที่ด้านหน้าสถานีรถไฟใต้ดินกำแพงเพชร ตรงข้ามตลาด อ.ต.ก. จตุจักร กทม. เพื่อแสดงพลังสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชน รวมทั้งยังได้นำไปรษณียบัตรที่จัดพิมพ์รูปพ.ต.ท.ทักษิณ มาจำหน่ายใบละ 5 บาท
นายอมรินทร์ กล่าวว่างานนี้เปิดให้ประชาชนที่คิดถึงพ.ต.ท.ทักษิณ เขียนความในใจลงบนบิลบอร์ดขนาดใหญ่ก่อนจะส่งไปให้กำลังพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศอังกฤษ รวมทั้งเปิดให้ประชาชนส่งข้อความแสดงความขอบคุณทางไปรษณียบัตรไปที่สถานทูตอังกฤษเพื่อขอให้รัฐบาลอังกฤษดูแล พ.ต.ท.ทักษิณเป็นอย่างดี ชมรมจะไม่เข้าไปยุ่งกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันที่ 26 ส.ค. เพราะไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้าและปะทะกัน
เครดิต
http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01EVXdNakkxTURnMU1RPT0=§ionid=TURNek5RPT0=&day=TWpBd09DMHdPQzB5TlE9PQ==
ผู้จัดทำ
น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126 น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208
นายอนุชา พวงมณี 5131601205 น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817
นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027 นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038
นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097 น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227
น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087 น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025
น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201
วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2551
เปิดประกาศจับ “2 นักธุรกิจ” อาชญากรโกงชาติ!
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ประกาศจับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร |
ประกาศจับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร กองทะเบียนประวัติอาชญากร ออกประกาศจับ “ทักษิณ-พจมาน” 2 นักธุรกิจ ตามหมายจับของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในข้อหาโกงชาติ วันนี้ (14 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทะเบียนประวัติอาชญากร ได้ออกประกาศกองทะเบียนประวัติอาชญากร เรื่อง สืบจับผู้กระทำความผิด ฉบับที่ 353/2551 โดยประกาศดังกล่าวระบุว่า ด้วยได้รับหมายจับและตำหนิรูปพรรณผู้กระทำผิดจากศาล และพนักงานสอบสวนของหน่วยงานต่างๆ เพื่อออกประกาศสืบจับ ดังต่อไปนี้ 1.ชื่อ พันตำรวจโททักษิณ ชื่อสกุล ชินวัตร ชื่ออื่น - ชื่อสกุลอื่น - ชื่อภาษาอังกฤษ - เลขประจำตัวประชาชน 3-1006-01824-83-4 เลขหนังสือเดินทาง - ว/ด/ป เกิด 26 ก.ค. 2492 เพศเชื้อชาติ ไทย สัญชาติ ไทย อาชีพ นักธุรกิจ ที่อยู่ เลขที่ 472 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 69 ถ.จรัญสนิทวงศ์ ตำบล/แขวง บางพลัด อำเภอ/เขต บางพลัด จังหวัด กรุงเทพมหานคร ชื่อบิดา นายบุญเลิศ ชื่อมารดาชื่อภรรยา/สามี คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ส่วนสูง 173 ซ.ม. น้ำหนัก - กก. รูปร่าง สันทัด ผิวผม- ตา กลม ตำหนิ/ลายสัก ลักษณะพิการ - ลักษณะพิการ/ลักษณะอันน่าสังเกต หมายจับเลขที่ 2/2551 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลขคดีดำ 1/2550 เลขคดีแดง 1/2550 วันที่ออกหมาย 13 ส.ค. 2551 ผู้ออกหมาย นายทองหล่อ โฉมงาม ข้อหาภายในอายุความ 15 ปี วันขาดอายุความ 2.ชื่อ คุณหญิงพจมาน ชื่อสกุล ชินวัตร ชื่ออื่น - ชื่อสกุลอื่น - ชื่อภาษาอังกฤษ - เลขประจำตัวประชาชน 3-1002-02074-30-1 เลขหนังสือเดินทาง - ว/ด/ป เกิด 22 พ.ย. 2499 เพศ หญิง เชื้อชาติ ไทย สัญชาติ ไทย อาชีพ นักธุรกิจ ที่อยู่ เลขที่ 526 ถ.พระราม 5 ตำบล/แขวง ถนนนครไชยศรี อำเภอ/เขต ดุสิต จังหวัด กรุงเทพมหานคร ชื่อบิดา พ.ต.อ.เสมอ ชื่อมารดา นางพจนีย์ ชื่อภรรยา/สามี พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ส่วนสูง 162 ซ.ม. น้ำหนัก - กก. รูปร่าง สันทัด ผิว ดำแดง ผม - ตา กลม ตำหนิ/ลายสัก ลักษณะพิการ - ลักษณะพิการ/ลักษณะอันน่าสังเกต - หมายจับเลขที่ 3/2551 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลขคดีดำ 1/2550 เลขคดีแดง 1/2550 วันที่ออกหมาย 13 ส.ค. 2551 ผู้ออกหมาย นายทองหล่อ โฉมงาม ข้อหาภายในอายุความ 10 ปี วันขาดอายุความ 12 ส.ค. 2561 จึงขอประกาศให้ทราบทั่วกันและให้ทุกหน่วยงานช่วยติดตามสืบจับ หากผู้ใดพบเห็น หรือทราบแหล่ง/สถานที่หลบซ่อนของผ้กระทำความผิดข้างต้น ให้รีบแจ้งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ เพื่อจัดการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ประกาศ ณ วันที่ 14 สิงหาคม 2551 (ลงชื่อ) พันตำรวจเอก โสฬส พินิจศักดิ์ รองผู้บังคับการกองทะเบียนประวัติอาชญากร ปฏิบัติราชการแทน ผู้บังคับการกองทะเบียนประวัติอาชญากร ผู้จัดทำ น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126 น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208 นายอนุชา พวงมณี 5131601205 น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087 น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817 นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027 น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025 นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038 นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097 น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227 น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201 |
ไฟเขียวกองทุนเก็บเงิน เพิ่ม ผู้ใช้น้ำมันจ่ายสมทบอีก30สต./ลิตร
กบง.ฉวยโอกาสราคาขาลง ไฟเขียวกองทุนเก็บเงิน เพิ่ม ผู้ใช้น้ำมันจ่ายสมทบอีก30สต./ลิตร
[23 ส.ค. 51 - 04:30]
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน
เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ว่า กบง.
มีมติเห็นชอบ ให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน สำหรับน้ำมันเบนซิน
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล อีก 30 สตางค์ต่อลิตร โดยให้มีผลตั้งแต่
วันที่ 23 ส.ค.และการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ ครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบ
ต่อราคาขายปลีกน้ำมันแต่อย่างใดก็ตามเนื่องจากผลของสถานการณ์ราคาน้ำมัน
ตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ดี การส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันรอบใหม่นี้จะมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
น้ำมัน เบนซิน 95 จากเดิมเรียกเก็บ 3.45 บาทต่อลิตรเป็น 3.75 บาทต่อลิตร
น้ำมันเบนซิน 91 จากเดิมเรียกเก็บ 3 บาทต่อลิตร เพิ่มเป็น 3.30 บาทต่อลิตร
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 จากเดิมเรียกเก็บ 0.25 บาทต่อลิตรเป็น 0.55 บาทต่อลิตร
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 จากเดิมชดเชย 0.25 บาทต่อลิตร เพิ่มการส่งเข้ากองทุน
เป็น 0.05 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จากเดิมชดเชย 0.30 บาทต่อลิตร
จะลดเหลือ 0 บาทต่อลิตร น้ำมันไบโอดีเซลบี 2 จากเรียกเก็บ 0.10 บาทต่อลิตร
เพิ่มเป็น 0.40 บาทต่อลิตร และไบโอดีเซลบี 5 จากเดิมชดเชย 1.30 บาทต่อลิตร
ก็จะเปลี่ยนเป็นชดเชย 1 บาทต่อลิตร
นายพรชัยกล่าวว่า การปรับเพิ่มเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันจะทำให้กองทุนมี
รายรับสุทธิเพิ่มขึ้นจากวันละ 17 ล้านบาท เป็นวันละ 34.4 ล้านบาทหรือเท่ากับ
1,031 ล้านบาทต่อเดือน จากเดิมมีรายรับเพียงเดือนละ 500 ล้านบาท ซึ่งจะส่ง
ผลให้กองทุนมีสภาพคล่องตัวมากขึ้น และเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้
พลังงานทดแทนตามนโยบายของประเทศเพื่อให้มีส่วนต่างจากราคาน้ำมันปกติ
เพราะยิ่งประชาชนหันมา ใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นก็จะช่วยลดการนำเข้าน้ำมัน
จากต่างประเทศได้ต่อไป.
ราคาน้ำมัน กลาง
รูปจาก http://www.pttplc.com/th/nc_oi.aspx
ลิงก์ http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=101622
ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ปีที่ 59 ฉบับที่ 18477 วันเสาร์ ที่ 23 สิงหาคม 2551
โดย นาย อนุชา พวงมณี
[23 ส.ค. 51 - 04:30]
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน
เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ว่า กบง.
มีมติเห็นชอบ ให้ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน สำหรับน้ำมันเบนซิน
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล อีก 30 สตางค์ต่อลิตร โดยให้มีผลตั้งแต่
วันที่ 23 ส.ค.และการปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ ครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบ
ต่อราคาขายปลีกน้ำมันแต่อย่างใดก็ตามเนื่องจากผลของสถานการณ์ราคาน้ำมัน
ตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ดี การส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันรอบใหม่นี้จะมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
น้ำมัน เบนซิน 95 จากเดิมเรียกเก็บ 3.45 บาทต่อลิตรเป็น 3.75 บาทต่อลิตร
น้ำมันเบนซิน 91 จากเดิมเรียกเก็บ 3 บาทต่อลิตร เพิ่มเป็น 3.30 บาทต่อลิตร
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 จากเดิมเรียกเก็บ 0.25 บาทต่อลิตรเป็น 0.55 บาทต่อลิตร
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 จากเดิมชดเชย 0.25 บาทต่อลิตร เพิ่มการส่งเข้ากองทุน
เป็น 0.05 บาทต่อลิตร น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จากเดิมชดเชย 0.30 บาทต่อลิตร
จะลดเหลือ 0 บาทต่อลิตร น้ำมันไบโอดีเซลบี 2 จากเรียกเก็บ 0.10 บาทต่อลิตร
เพิ่มเป็น 0.40 บาทต่อลิตร และไบโอดีเซลบี 5 จากเดิมชดเชย 1.30 บาทต่อลิตร
ก็จะเปลี่ยนเป็นชดเชย 1 บาทต่อลิตร
นายพรชัยกล่าวว่า การปรับเพิ่มเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันจะทำให้กองทุนมี
รายรับสุทธิเพิ่มขึ้นจากวันละ 17 ล้านบาท เป็นวันละ 34.4 ล้านบาทหรือเท่ากับ
1,031 ล้านบาทต่อเดือน จากเดิมมีรายรับเพียงเดือนละ 500 ล้านบาท ซึ่งจะส่ง
ผลให้กองทุนมีสภาพคล่องตัวมากขึ้น และเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้
พลังงานทดแทนตามนโยบายของประเทศเพื่อให้มีส่วนต่างจากราคาน้ำมันปกติ
เพราะยิ่งประชาชนหันมา ใช้พลังงานทดแทนมากขึ้นก็จะช่วยลดการนำเข้าน้ำมัน
จากต่างประเทศได้ต่อไป.
ราคาน้ำมัน กลาง
รูปจาก http://www.pttplc.com/th/nc_oi.aspx
ลิงก์ http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=101622
ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ปีที่ 59 ฉบับที่ 18477 วันเสาร์ ที่ 23 สิงหาคม 2551
โดย นาย อนุชา พวงมณี
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)