เว็บบล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนวิชาการเมืองและการปกครอง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2551

นับถอยหลัง “หมัก” ตกเก้าอี้ ศาลนัดชี้ชิมไปฯ พรุ่งนี้ 14.00 น.

“หมัก” ให้การมัดคอตัวเองกรณีลูกจ้างชิมไปบ่นไป ต่อหน้าองค์คณะตุลาการ ศาล รธน.ไม่รีรอสั่งฟังคำวินิจฉัยทันทีพรุ่งนี้ เวลา 14.00 น.
วันนี้ (8 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์ รับฟังคำชี้แจงของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และนายศักดิ์ชัย แก้ววันณี กรรมการผู้จัดการบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัดในคำร้องที่ประธานวุฒิส่งความเห็นสมาชิกวุฒิสภาขอให้วินิจฉัยการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี กรณีการจัดรายการชิมไปบ่นไป และยกโขยง 6 โมงเช้า ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรค 1 (7) และมาตรา 267 ประกอบมาตรา 82 วรรค 3 และมาตรา 91 หรือไม่ โดยศาลได้นัดฟังคำวินิจฉัยในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ย.) เวลา 14.00 น.
อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเวลา 09.30 น.คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มี นายชัช ชลวร เป็นประธานได้ออกนั่งบัลลังก์ ไต่สวนพยานผู้ถูกร้องในคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนา ส.ว.สรรหาและคณะส.ว. รวมทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นพิธีกรดำเนินรายการ "ชิมไปบ่นไป" ตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7) และมาตรา 267 ประกอบ 182 วรรคสาม และมาตรา 91 โดยพยานผู้ถูกร้องมี 2 ปากคือ นายศักดิ์ชัย แก้วมณีสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด และนายสมัคร
ทั้งนี้ นายสมัคร ได้ขึ้นให้การโดยระบุว่า ได้เริ่มทำรายการ ชิมไปบ่นไป ตั้งแต่ปี 2543 โดยบริษัท เฟซมีเดีย จำกัด ได้มาชวนให้เป็นพิธีกร หลังจากนั้นก็ทำมาตอลด จนกระทั่งรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 6 ก.พ. 2551 และหลังจากนั้นก็ได้บันทึกเทปรายการดังกล่าว 2-3 ครั้ง ซึ่งการบันทึกเทปครั้งหนึ่งก็สามารถนำไปออกอากาศได้ 1 เดือน โดยตนไม่ได้เรียกร้องค่าตอบแทน และไม่ได้รับค่าตอบแทนแต่อย่างใด
นายสมัคร ให้การว่า ทางบริษัทได้จ่ายค่าน้ำมันและค่ากับข้าวให้กับคนขับรถของตน ซึ่งรายละเอียดนั้น เขาจะนำไปใช้จ่ายอย่างไรตนไม่ทราบ และหลังจากที่มีคนทักท้วงว่า อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตนก็ไม่ทำรายการดังกล่าวอีก โดยบอกให้รายการหาพิธีกรมาแทน แต่ที่ทำอยู่เพราะทนายบอกว่า เนื่องจากเป็นการรับจ้างไม่ใช่ลูกจ้าง จนกระทั่งมีข่าวลงตามหนังสือพิมพ์ ตนก็สั่งระงับการออกอากาศทันที รวมทั้งให้เก็บเทปบันทึกรายการ กลัวสถานีนำไปออกอากาศซ้ำอีก
นายสมัคร กล่าวเพิ่มเติมว่า "ถ้าตนผิดจริง อย่าให้ตนไม่มีความเจริญ แต่ถ้าไม่ได้ทำผิด ก็ขอให้ตนได้รับความสุขความเจริญ" เป็นที่น่าสังเกตุว่า ระหว่างขึ้นให้การต่อศาลนั้นนายสมัคร ได้มีท่าทีในการตอบคำซักถามของนายเรืองไกร ลิกิจวัฒนะ ส.ว.ระบบสรรหา ผู้ที่ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวอย่างแข็งกร้าว พร้อมกับได้ยอกย้อนตอบคำถามเป็นบางคำถามอย่างดุดัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากนายสมัคร ให้การต่อผู้ร้องเสร็จสิ้นแล้ว ทางองค์คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ได้สอบถามในประเด็นที่ยังสงสัย เพื่อต้องการให้พยานยืนยัน หรือ ปฎิเสธ โดยศาลได้สอบถามนายสมัคร ว่า คนขับรถได้แจ้งพยานเกี่ยวกับเรื่องค่าตอบแทน หรือไม่ และ คนขับรถได้นำเงินไปใช้ในเรื่องใดบ้าง นายสมัคร ตอบว่า ไม่ทราบและไม่รู้ว่านำไปใช้เรื่องใด โดยนายสมัคร จะอธิบายเกี่ยวกับคนขับรถ ศาลได้ติงว่า ไม่จำเป็นต้องนำประเด็นข้อกฎหมาย มาหักล้างข้อเท็จจริง
นอกจากนั้น ระหว่างที่ศาลถาม และยังถามไม่จบ นายสมัคร พยายามพูดแทรกออกมา ศาลต้องติงว่า ขอให้ฟังคำถามให้จบก่อน ทำให้นายสมัคร ถึงกับแสดงอาการไม่พอใจ ศาลได้ถามอีกว่า หลังเกิดเป็นคดีขึ้น พยาน(นายสมัคร)ได้ไปอัดเทปรายการที่บ้านของพยานและไม่ยอมให้สื่อมวลชนทำข่าว ใช่หรือไม่ นายสมัคร ตอบว่าใช่ โดยอ้างว่า ไม่ต้องการให้วุ่นวายและตัดเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคนขับรถ โดยศาลถามว่า หลังจากอัดรายการที่บ้านแล้ว คนขับรถยังได้รับค่าตอบแทนอยู่หรือไม่ นายสมัคร ตอบว่า ใช่เนื่องจากเป็นเรื่องที่คนขับรถต้องใช้จ่าย แต่ไม่เกี่ยวกับตน
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ศาลได้สอบถาม เกี่ยวกับพยานเอกสารที่ได้จากการถอดเทปรายการ สนทนาประสาสมัคร เพื่อให้พยานยืนยันว่า เป็นเอกสารที่ถูกต้องหรือไม่ พยานได้ถาม ศาลว่า แล้วมาเกี่ยวอะไรกับคดีนี้ ศาลแจ้งว่า เนื่องจาก พยานได้พูดเป็นข้อเท็จจริงในรายการเกี่ยวกับคดีนี้ไว้ จึงจำเป็นต้องนำมาประกอบการพิจารณา ทำให้นายสมัคร ทำเสียง อือ อือ และมีอาการไม่พอใจ ศาลยังได้ถามถึงเรื่อง ภาพโลโก้ รูปผู้ชายที่มีลักษณะจมูกรูปชมพู่ โดยศาลถามว่า เป็นรูปของพยานใช่หรือไม่ นายสมัคร ตอบว่าใช่ และอธิบายว่า เป็นรูปของตนที่คนทั้งประเทศรับรู้มาตั้งหลายปีแล้ว
จนกระทั่งนายสมัครให้การเสร็จเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. นายสมัคร ได้ขออนุญาตศาลออกจากห้องพิจารณาคดีเพื่อไปปฏิบัติภารกิจทันที และขึ้นรถออกไปจากศาลรัฐธรรมนูญอย่างรวดเร็ว
เครดิต :www.sappasan.com/viewtopic.php?f=72&t=659 - 22k
โดย :
น.ส.เสาวรส รักแก้ว 5131202087 น.ส.รจนา วงษารัตน์ 4931601817
นายอนุชา พวงมณี 5131601205 น.ส.สุปราณี สุริยะจันทร์ 5131601201
นายเจษฎา เอื้อเฟื้อ 5131601027 น.ส.จุรีย์พร จันทร์แก้ว 5131601025
นายชัชชัย รักสันติสุข 5131601038 น.ส.ผาณิตตา ศรีวงษ์ 5131601126
นายนเรศ วงศ์ชัยพาณิชย์ 5131601097 น.ส.อมรรัตน์ จิรนนท์วงศ์ 5131601208
น.ส.จุรีรัตน์ อูปซาง 5131205227

12 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คิดกันว่า การไปประชุม ครม สัญจร กับการที่ศาลตัดสินคดีชิมไปบ่นไปเป็นเรื่องบังเอิญที่มาช่วงเวลาตรงกัน หรือ!!!
มองให้ดีจะเห็นว่าพวกเขาอยู่ในวงล้อมของพวกเขา เอาประชาชนมาชนกันในรูปแบบหนึ่ง

-หากประกาศปฎิวัติตัวเองจะดี ไม่ดีกับตัวอย่างไรเมื่ออยู่ตรงนั้น
-ก่อความวุ่นวายแล้วประกาศเคอร์ฟิว ผลได้ผลเสียของเขาเพื่อก้าวต้อไปจะดีกับเขาไร!
-ไม่ยอมรับดื่อๆแล้วประกาศปักหลักสู้ตรงนั้นจะได้จะเสียอะไร
-เปลี่ยนหัวใหม่ หมักลงคนอื่นขึ้น จะอย่างไร
-ยอมยุบ ไม่ยอมการเมืองใหม่ ปักหลักสู้ตรงนั้นจะเป็นอย่างไร
ปล. ออกพระราชบัญญัติกุมอำนาจไว้เรียบร้อยแล้ว กับ เตรียมตัวด้านสื่อ NBT เมื่ออำนาจใหม่มายึดก็ย้ายการออกอากาศ เพื่อประกาศต่างๆและปลุกระดมคนได้(ตอนพันธมิตรไปมีบทพิสูจน์มาแล้วว่ามันทำได้)

เตรียมให้พร้อมคิดให้รอบคอบไม่เกิดไม่เสียหาย เกิดแล้วแย่ถ้าแก้ไม่ทัน
เตือน!

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ทางบริษัทได้จ่ายค่าน้ำมันและค่ากับข้าวให้กับคนขับรถของตน
ถ้าทำได้ ทุกบริษัท ก็จะได้รับบริหารจาก รมต จากนายก จาก อธิบดี จาก อัยการ จากนายดำรวจ จากผู้พิพากษา โดยถูกกฎหมาย ไม่มีค่าตอบแทน แต่ใจบุญให้ค่านำ้มัน ค่ากับข้าว ทุนการศึกษา คนขับรถ คนใช้ เมียน้อย เมียลับ ลูกเมียน้อย และได้บุญกุศลขึ้นสวรรค์กันหมด สาธุ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เมื่อไหร่กันที่คนชั่วๆจะออกไปจากเมืองไทยดิฉันไม่ได้เข้า
ข้างฝ่ายไหนนะ
ตอนนี้ก็อุ่นใจมากเลยที่เห็นกฎหมายของบ้านเมืองมีปสิทธิภาพ
พันธมิตรก็ควรเห็นได้แล้วว่ากฎหมายก็สามารถเอาคนผิดมาไตร่สวน
หาความจริงใครเลวเดียวก็รู้กันเองบ้านเมืองมีกฎหมายให้เคารพ
กันนะไม่ใช่อะไรก็เอ๊ะอะไม่พอใจก็พากันมาประท้วง
ทำให้คนอื่นเดือนร้อนกันไปหมดแถมแล้วงี้เมื่อไหร่
ประเทศจะดีขึ้นสักทีหากเกิดว่าสามารถไล่นายกคนนี้
ออกไปได้แล้วแล้วมีการเลือกตั้งขึ้นมาใหม่
แล้วถ้ายังไม่ถูกใจพันธมิตรพวกเขายัง
จะมาชุมนุมกันอย่างนี้อีกมั้ยอยากรู้จริงๆ
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายบ้านเมืองดีกว่า
ไม่อยากจะเห็นคนไทยต้องมาทะเลาะกัน
ขายหน้าประเทศมาด่ากันให้ต่างประเทศดู
แล้วทีจะค้าจะขายกับประเทศไหนเขาก็คง
ไม่อยากจะคบด้วย
เห็นใจกันหน่อยเหอะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ไม่มีคุณสมบัติความเป็นนายก ไม่มีคุณธรรมในความเป็นผู้นำประเทศ ไม่มีความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง ไม่มีจิตใจที่มีความดีพอที่จะเป็นมนุษย์ในชาตินี้และชาติต่อไป เอิ้กๆ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

บอกแล้ว ว่าอย่าไปชุมนุม พันธมิตรมันก็แค่กุ้ย

อย่าไปหวังพึ่งไรมานเลย เลิกชุมนุมซะ

ผิดถูกวัดกันที่ศาล ศาลจะทำให้ประเทศไทย กลับสู้ความสงสบอีกครั้ง ผมเชื่ออย่างนั้น

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ทางออกคือ พรรคร่วมรัฐบาลเปลี่ยนขั้วการเมืองมาอยู่กับพรรค ปชป แต่อย่าเพิ่งให้คุณอภิสิทธิ์ เป็นนายก ให้คุณบรรหาญ นั่งเก้าอี้นายก แล้วให้คุณอภิสิทธิ์เป็นรองนายกหรือรัฐมนตรีอะไรก็ได้ ถ้าคุณอภิสิทธิ์เป็นนายกตอนนี้ มันไม่จบแน่ๆ เพื่อให้บ้านเมือง กลับมาสงบสุขอีกครั้ง คุณอภิสิทธิ์ก็ต้องเสียสละ เพื่อชาติ บ้านเมืองบ้างละ คุณบรรหาญก็ต้องยอมเข้ามาเพื่อชาติเหมือนกัน ส่วน พลังประชาชนก็ต้องยอมเพื่อชาติกันบ้าง ผมว่าถ้าเป็นในรูปแบบนี้ จะมีปัญหาน้อยสุด เห็นแก่พ่อหลวงเราเถอะ ตอนนี้พ่อคงไม่สบายใจหรอก ท่านดูพวกเรากันอยู่นะ ให้ท่านได้พักผ่อนบ้างเถอะนะ ขอร้อง

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

บ้านเมืองยังเจ็บช้ำยังไม่พออีกเหรอ?

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การเมืองใหม่ยังไม่เด่นชัด อย่าเพิ่งโจมตี แต่ที่เด่นชัดก็การเมืองใหม่ เลือกกี่ครั้งก็ได้นักการเมืองหน้าเก่าที่มีประวัติฉาวโฉ่ ยอมขายตัวเพื่อให้อยู่ในพรรครัฐบาลเสียงข้างมาก รัฐบาลทำผิดแค่ไหน อภิปรายอย่างมีเหตุผล อ้างกฏหมายชัดเจน แต่ผลสรุปยกมือไว้วางใจทุกครั้ง (ได้ค่ายกมือครั้งละกี่ล้าน) แม้ยุบสภา ถูกปฏิวัติ มีการเลือกตั้งใหม่ก็ซื้อเสียงอีก ก็ได้นักการเมืองหน้าเดิม อุดมการเดิมคิดว่าการเมืองเป็นการค้ากำไร ซื้อเสียงเท่าไหร่ ต้องเอาคืน พร้อมกำไร เลือกตั้งกี่ครั้งก็เป็นเหมือนเดิม อย่างนี้แล้วประเทศชาติจะเจริญได้อย่างไร ประชาชนต้องมีส่วนร่วมให้มากขึ้น นักวิชาการทั้งหลายต้องระดมสมองช่วยกันคิด ถ้าคุณไม่เห็นแก่ตัวเอง รัฐบาลต้องโปร่งใสให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างถูกต้องตามจริง โดยเฉพาะเรื่องประชาธิปไตย และกรณีตัวอย่างการโกงบ้านกินเมือง การอนุมัติงบประมาณสั่ว ๆ ให้มาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สันติวิธี รัฐบาลทำอะไรบ้าง ได้แต่ใช้อำนาจในกำมือครอบงำสื่อ ครอบงำข้าราชการ คุณว่ารัฐบาลถอย ถอยตรงไหน ใช้สื่อของรัฐ ทำรายการบิดเบือน พูดความจริงไม่หมด เพื่อให้คนฟังที่ไม่รู้ กฎหมายลึกซึ้งเข้าใจผิด อยู่เบื้องหลังม๊อบจัดจ้าง เพื่อให้มาปะทะกัน ไม่สนใจเลยว่าประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการต้องบาดเจ็บ ล้มตาย เพียงเพื่อสร้างสถานะการณ์ ให้บ้านเมืองวุ่นวาย ช่วยเหลือนายผู้ส่งเงินมาอุปถัมภ์พรรค ให้ซื้อเสียงเพื่อเลือกตัวมาเป็นผู้แทน แสดงความเป็นนอมีนีอย่างเด่นชัดทุกวัน รัฐบาลมีจิตสำนึกบ้างหรือไม่ก็เปล่า แล้วจะสันติวิธีได้อย่างไร ถ้ารัฐบาลไม่ทำตัวให้ประชาชนศรัทธา หยุดทำตัวเป็นนอมินีของทักษิน เคารพคำตัดสินของศาล หยุดช่วยพรรคพวกของตัวเอง หันมาดูประชาชนตาดำ ๆ ส่วนใหญ่ของประเทศชาติบ้าง รัฐบาลบ้าเลือด อ้างแต่เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย แล้วซื้อเสียงเข้ามาทำไม เชื่อเถอะนักการเมืองทุกคนไม่มีใครไม่โกงหรอก แต่ไอ้ที่โกงอย่างมหาศาล เอาทุกรูปแบบ จนไม่มีจิตของความเป็นคน ประเทศชาติจะล่มจมก็ไม่สนใจ โกงเงินภาษีประเทศชาต แก้กฏหมายเพื่อเอื้อธุรกิจตัวเองพวกพ้วง ซุกห้น เมื่อตนมีอำนาจ ศาลตัดสินว่าไม่ผิด ก็ดีไป เมือซื้อศาลไม่ได้ศาลตัดสินว่ามีความผิด ก็ว่าด่าศาลไม่เป็นธรรม ถูกกลั่นแกล้ง คิดดูเถิดคนระดับร่ำรวยล้นฟ้า พรรคพวกเยอะแยะ รัฐบาลก็อยู่ในกำมือตัวเอง ถ้าบริสุทธิจริงทำไมไม่มาสู้คดี หนีไปอยู่ต่างประเทศ ชักใยอยู่เบื้องหลังความวุ่นวาย ในประเทศไทย คนเพื่อความสะใจ คิดดูทำไม่สมัครถึงดึงดันสุด ๆ ต้องมีอะไรแน่ ๆ คุณว่ามั้ย

Sujinda กล่าวว่า...

ถึงคราวซวย...แล้วซิ...

ท่านสมัคร....

ดันไปรับจ้างทำรายการอาหาร....

ทั้งที่นั่งเก้าอี้นายก....

น่าจะเอาเวลาไปคิดบรหารประเทศ...มากกว่า


Jiraporn Janrit
5131601021 Sec: 1

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ผมคิดว่าอาจจะเป็นหนทางที่ดีทีสุดตอนนี้ก็ได้
เป็นช่วงเวลาที่ดูว่าหลังจากสมัครตกจากเก้าแล้วตามคำสั่งศาลใครจะขึ้นมาแทน แล้วเหตุการจะเป็นยังงัยนี้และ
สำคัญ หลังจากนี้บ้านเมืองจะเป็นยังงัย แต่ผมขอให้
เหตุการสงบทีเถอะนะครับ

5131205229 กล่าวว่า...

ในที่สุดวันนี้ ท่านหมัก ก็ต้องลามือไปอยู่ดี

ไม่ว่าใครจะทายทัก ว่า60 วันก็แล้ว 100 วันก็แล้ว

ยังไง ท่านก็ต้องไปอยู่ดี

หึหึหึ